Funny game for your mobile

รู้จักกันมั้ยตำนานกำเนิดโลกของชาวจีน เทพผานกู่ เทพหนี่ว์วา

     ทุกสถานที่ในโลกล้วนมีเรื่องเล่าตำนานการกำเนิด มีชื่อเรียกสถานที่แห่งนั้นจากคนพื้นเมืองในท้องถิ่นต่างกันไป แม้แต่ดวงดาวแต่ละประเทศต่างก็มีเรื่องเล่าที่ไม่เหมือนกันเลย เราอาจจะเคยได้ยินนิทานเรื่องเล่าจากตำนานเทพปกรณัมกรีกว่ามีอดัมและอีฟเป็นมนุษย์คนแรกๆของโลก  แต่ที่จีนเองก็มีตำนานเหมือนกัน



        ตามตำนานเชื่อกันว่าโลกและสวรรค์รวมกันอยู่ในไข่ยักษ์ใบหนึ่ง ภายในมี "ผานกู่" บรรพบุรุษของชนชาติจีนที่มีขนาดร่างกายใหญ่โตถึง 45,000 กิโลเมตร ว่ากันว่า ผานกู่ มีรูปลักษณ์ดังนี้ ศีรษะมีเขา คิ้ว และดวงตาใหญ่ มีเขี้ยวยื่นออกมาจากปาก มีขนทั้งตัว มือซ้ายถือสิ่ว มือขวาถือขวานใหญ่ 

        ผานกู่ที่หลับใหลอยู่ภายในไข่ยักษ์ ตามคติจักรวาลของจีนมีสภาพเสมือนไข่ วันหนึ่งเมื่อผานกู่ตื่นขึ้น เขาก็ดันตัวเองออกมาจากไข่ใบนั้น ท่านรู้สึกอึดอัด และมืดมัว ท่านจึงจามไข่ใบนั้นออก เป็น 2 ส่วน ส่วนที่สะอาดให้เป็น"ผืนฟ้า" และส่วนขุ่นข้นให้เป็น"ผืนดิน" ผ๋านกู่ได้คำ้ผืนฟ้าไว้ ใช้เวลา 18,000 ปี ท้องฟ้า และผืนดินจึงออกห่างกัน 9 หมื่นลี้ (1 ลี้ = 500 ม.) ในระหว่างผ๋านกู่ค้ำฟ้าไว้ และมีสัตว์ใหญ่ 4 ชนิดมาช่วย คือ เต่า กิเลน หงส์ และมังกร



     ต่อมาไม่นานทั้งสองส่วนกลับเคลื่อนที่เข้าหากันเพื่อหลอมรวมตัวเป็นเนื้อเดียว ผานกู่จึงออกแรงดันอยู่เช่นนั้นเป็นหมื่นๆ ปี จนในที่สุดสวรรค์และโลกก็ไม่กลับมารวมกันอีก จากนั้นเขาก็ล้มลงและสิ้นใจ สสารเหล่านั้นคือ
- ลมหายใจ กลายเป็น "ลม" และ"เมฆ"
- ตาซ้าย กลายเป็น "ดวงอาทิตย์"
- ตาขวา กลายเป็น "ดวงจันทร์"
- แขน และขา กลายเป็น "เทือกเขา"
- เลือด กลายเป็น "สายน้ำ"
- เส้นเอ็น กลายเป็น "ถนนหนทาง"
- กล้ามเนื้อ กลายเป็น "ผืนดินอันอุดมสมบูรณ์"
- เส้นผม และหนวดเครา กลายเป็น "ดวงดาว" และ"ทางช้างเผือก"
- เส้นขน กลายเป็น "แมกไม้พฤกษา"
- ฟัน และกระดูก กลายเป็น "แร่ธาตุ" และ"อัญมณี"
- เหงื่อ กลายเป็น "น้ำฝน"
- เหลือบไรบนขนตามร่างกาย กลายเป็น "ปลา" "สัตว์ต่างๆ" และ"มนุษย์"

        จากนั้นเมื่อเทพธิดาหนี่ว์วา ลงมาจากสวรรค์เพื่อมาชมโลก เธอพบว่าโลกนั้นเป็นสถานที่ๆสวยงามแต่เงียบเหงา ครั้นเมื่อเทพธิดาหนี่ว์วานั่งเล่นอยู่ริมแม่น้ำหวงโฮ เมื่อมือของตนเปื้อนโคลนเธอจึงสะบัดออก ทันใดนั้นดินโคลนที่หยดลงน้ำกลับกลายเป็นลูกอ๊อด (สิ่งมีชีวิตแรกของโลกถือกำเนิด!) จากนั้นหนี่ว์วาจึงอยากสร้างสิ่งมีชีวิตต่างๆมาเพิ่ม ด้วยการปั้นสัตว์จากดิน
ในวันแรก หนี่ว์วา ปั้นไก่
วันที่สองเป็นสุนัข
วันที่สามคือหมู
วันที่สี่ กำเนิดแพะ
วันที่ห้ากำเนิดวัว
วันที่หก กำเนิดม้า
             แล้วก็ปล่อยให้มันใช้ชีวิตตามวิถีของมัน ก็เป็นอันสรุปได้ว่าการกำเนิดสรรพสิ่งของโลกตามตำนานจีนมิได้เกิดจากพระเจ้าสูงสุด

        จนกระทั่งเมื่อถึงวันที่ 7 หนี่ว์วาตัดสินใจปั้นรูปเหมือนของตนเองขึ้น และเรียกสิ่งนี้ว่า "มนุษย์" ทีนี้เทพธิดาเป็นห่วงว่ามนุษย์เพศหญิงคนนี้จะเหงา จึงให้กำเนิดมนุษย์ผู้ชายขึ้น โดยมนุษย์ที่หนี่ว์วาสร้างเหล่านี้พวกเขามีผิวสีเหลืองเช่นเดียวกับดินบริเวณแม่น้ำฮวงโห แต่ด้วยงานปั้นค่อนข้างทำได้ยาก มนุษย์ที่สร้างขึ้นจึงมีใบหน้าไม่ซ้ำกัน สูงใหญ่ไปตามส่วน บ้างสมบูรณ์แบบ บ้างพิการ (เล่ากันว่าท่านขี้เกียจปั้นเลยเอาเถาวัลย์ที่แม่น้ำฮวงโหมาชุบดินแล้วสะบัด)ดังนั้นชาวจีนจึงถือว่าวันที่ 7 ของปีใหม่จีน เป็นวันกำเนิดมนุษยชาติ และนับถือเทพหนี่ว์วาในฐานะมารดาผู้ให้กำเนิด



        ทั้งนี้บางตำนานก็เล่าต่อว่า หลังปล่อยให้มนุษย์ดำเนินชีวิตไปไม่นาน เทพไฟและเทพน้ำได้ออกมาต่อสู้กัน เต่ายักษ์ของเทพน้ำได้หลบหนีจนไปชนกับภูเขาปู้โจว หรือเสาค้ำฟ้า ทำให้ผืนฟ้าเป็นรูโหว่ใหญ่ ปีศาจจึงออกมาทำร้ายผู้คน หนี่ว์วาจึงออกมาช่วยต่อสู้ แต่พลาดท่าลำตัวขาดครึ่ง งูยักษ์ที่เป็นพาหนะของนางจึงเข้าไปงับร่างเชื่อมต่อไว้แทน เทพหนี่ว์วาจึงมีร่างกายครึ่งล่างเป็นงู บางตำนานก็เล่าว่าหางเป็นมังกร

        ประวัติของเทพหนี่ว์วาหรือเจ้าแม่หนี่วา:女媧 (เทพมารดาแห่งชาวจีน)「女媧・ジョカ」

        เจ้าแม่เป็นเทพธิดาแห่งสรวงสวรรค์ในยุคดึกดำบรรพ์ตามความเชื่อของชาวจีน สำเนียงการออกเสียงชื่อของท่านก็มีหลายชื่อ เช่น เจ้าแม่นึ่งออ


        ย้อนไปเมื่อโลกและสวรรค์ถูกสร้างเสร็จโดยผานกู่แล้ว เจ้าแม่หนี่วาได้อภิเษกกับเทพฝูชี ( 伏羲) เทพฝูชีเป็นทั้งพระเชษฐาและสวามีของเจ้าแม่ ท่านจะเป็นผู้ปกครองท้องฟ้า ส่วนเจ้าแม่หนี่วาปกครองโลกมนุษย์ และสัญลักษณ์ของทั้งคู่ก็คือ หางที่เป็นมังกรครับ
        ส่วนกำเนิดของสิ่งมีชีวิตก็กำเนิดจากดินที่เจ้าแม่ปั้นขึ้น อันได้กล่าวไว้ในตอนต้นแล้ว

ตามตำนานการอุดรอยรั่วบนท้องฟ้า
        ซึ่งตำนานเกี่ยวกับเจ้าแม่ยังมีอีกดังนี้  ตามตำนานการอุดรอยรั่วบนท้องฟ้า ที่เกิดจากการต่อสู้กันระหว่างเทพแห่งไฟและเทพแห่งน้ำ ในระหว่างการสู้รบ เต่ายักษ์ของเทพแห่งน้ำ ได้ไปชนเข้ากับ “ปุดจิว” ที่ทำหน้าที่เป็นเสาค้ำท้องฟ้า จนทำให้ท้องฟ้าเอนเอียงไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และผืนดินเอนไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ภูเขา ผืนป่า ไร่นา บ้านเรือน ถูกไฟเผาทำลาย เกิดน้ำท่วมใหญ่เจิงนองไปทั่วแผ่นดิน ส่งผลให้เหล่าปีศาจฮึกเหิมหลั่งไหล่ออกมาทำร้ายมนุษย์ เจ้าแม่หนี่วา ทนไม่ได้กับการเห็นเหล่าลูกๆทุกข์ทรมาน จึงต่อสู้กับปีศาจ มังกร และสัตว์ดุร้ายมากมาย เพื่อปกป้องมนุษย์ และได้ใช้ขาของเต่ายักษ์ มาค้ำยันท้องฟ้าเอาไว้ พร้อมกับซ่อมแซมอุดรูรั่วที่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ด้วยหิน 5 สี จากริมฝั่งแม่น้ำ อันเป็นตัวแทนของธาตุทั้ง 5 ได้แก่ ไม้, ไฟ, ดิน , น้ำ และโลหะ จนกระทั่งสามารถช่วยเหลือโลกมนุษย์เอาไว้จากการถูกทำลายในที่สุด หลังจากเสร็จภารกิจปกป้องเหล่าลูกหลานที่ตนเป็นผู้สรรสสร้าง เจ้าแม่หนี่วา ที่เหนื่อยล้า ได้ทอดตัวลงนอนหลับลงบนผืนดิน กลายเป็นเทือกเขาใหญ่ ที่คอยดูแลปกป้องประเทศจีน ให้มีความอุดมสมบูรณ์ และยิ่งใหญ่ สืบต่อมาตราบจนปัจจุบัน บางตำนานก็ว่าเจ้าแม่ลงมาเกิดเป็นมนุษย์บนโลกและมีชีวิตอยู่จริงในประวัติศาสตร์
ขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือ "สนุกกับเทศกาลเฉลิมฉลอง" โดย Goh Pei Ki
ข้อมูลจาก ไคเภ็ก ตำนานกำเนิดโลก ฉบับ พระยาโชฎึกราชเศรษฐี



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหาบล็อกนี้