Funny game for your mobile

6 สถานที่อาถรรพ์ลี้ลับของอดีตเมืองหลวง เกียวโต

 


1. ศาลเจ้าจิชู (Jishu-jinja)

ศาลเจ้าจิชู ตั้งอยู่ภายในวัดน้ำใส หรือคิโยะมิสึ  ว่ากันว่าถ้าได้มาขอพรที่นี่จะสมหวังในเรื่องความรัก ที่นี่จึงมักจะเป็นจุดหมายของสาวๆ ที่เดินทางมาขอพรกันเรื่องคู่รัก เห็นอย่างนี้ที่นี่เขาก็ไม่ได้มีคนมาขอพรอย่างเดียว อีกด้านหนึ่งของวัดกลับเป็นสถานที่สาปแช่ง มันจะอยู่ข้างๆ ศาลเจ้านี่เอง ตรงนั้นจะมีต้นสนศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยรูตะปูตอก เชื่อกันว่ามาจากร่อยรอยของการทำพิธีสาปแช่ง “อุชิ โนะ โคะคุไมริ” (Ushi no Kokumairi)



ก้อนหินเสี่ยงรัก

 อุชิ โนะ โคะคุไมริ (Ushinokoku Mairi) เป็นการทำพิธีสาปแช่งตามความเชื่อโบราณของชาวญี่ปุ่น โดยนำเอาตุ๊กตาฟางมาตอกเข้ากับต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในศาลเจ้า เกิดจากความเชื่อโบราณของญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยเอโดะ ใช้สาปส่งคนที่เกลียด คนที่เป็นศัตรู โดยหวังให้คนโดนสาปแช่งถึงตาย ทำในช่วงเวลาตีสองเป็นเวลาติดต่อกัน 7 วัน หากทำสำเร็จโดยไม่มีใครเห็นคำสาปแช่งจะบรรลุผล นอกจากศาลเจ้าจิชู ยังมีศาลเจ้าคิฟุเนะอีกแห่งที่มีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ และโดนตอกตะปูทำพิธีสาปแช่งลักษณะนี้เหมือนกัน และรอยตะปูนี้ ทุกวันนี้ก็ยังเห็นอยู่อย่างนั้น อต่มีรูเพิ้มรึเปล่า แอดไม่มีคนมายืนยัน







2. วัดโรคุโดะ ชินโน (Rokudo Chinno Temple)

        ที่วัดแห่งนี้เมื่อเดินทางมาเยือนจะพบกับ ยมบาลของทางญี่ปุ่นตั้งอยู่ หรือ เอ็นมะ นั่นเอง เชื่อกันว่าที่นี่มีบ่อน้ำที่เป็นทางผ่านไปสู่ยมโลกได้ ตามตำนานเล่าว่าในยุคเฮอันมีบัณฑิตนามว่า โอโนะ ทากามูระ ที่ทำงานอยู่ในศาลหลวงยามกลางวัน พอตกค่ำคืนเขาจะใช้บ่อน้ำนี้เดินทางลงไปทำงาน ช่วยเหลือการตัดสินคดีความในยมโลก มีการรับงานเป็นกะ แสดงว่าข้างล่างงานเยอะพอสมควรเลยทีเดียว






3. ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ (Fushimi Inari)

        เสาสีแดงอันโดดเด่น คือเสา โทริอิ ที่มีจิ้งจอกปกปักรักษาอยู่ด่านหน้าดูโดดเด่น ระหว่างทางที่จะเดินเข้าสู่ศาลเจ้าจะผ่านเสาโทริอิสีแดงนับหมื่นต้น เป็นทางยาวกว่า 4 กิโลเมตร ชมผ่านป่าเขียวขจี เป็นหนึ่งในจุดถ่ายรูปที่สวย เงียบสงบแอบวังเวง ถ้ามาคนเดียวอาจจะรู้สึกได้ว่าเหมือนมีอะไรหลบซ่อนอยู่มุมเสาสีแดงสักต้นก็เป็นได้   ที่นี่ก็มีตำนานหลอนแปลกๆหลายเรื่อง  เช่น ถ้าเผลอไปจ้องตารูปปั้นเทพเจ้าจิ้งจอกมากๆ จะออกจากทางเดินเสาโทริอิไม่ได้ หรือถ้ามาเดินที่นี่ในช่วงโพล้เพล้เขาว่ากันว่าจะหลงทางเหมือนเดินวนอยู่กับที่ ออกไปไม่ได้ แต่ถ้าหลุดออกมาได้ก็จะหลงลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ฯลฯ ซึ่งเมื่อดูจากระยะทางแล้วก็มีความเป็นไปได้อยู่ที่จะรู้สึกมึนงง เพราะกว่าจะเดินถึงตัวศาลเจ้าก็ไกลอยู่ ดีนะที่เขาติดตั้งไฟที่เสาด้วยเหมือนกัน แต่สมัยก่อนคงหลงแย่






4. อุโมงค์คิโยทากิ (Kiyotaki Tunnel)

        นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ขึ้นชื่อเรื่องความหลอนที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น อุโมงค์แห่งนี้สร้างขึ้นช่วงประมาณปี ค.ศ. 1929  ที่นี่ในอดีตนั้นค่อนข้างจะน่ากลัว มันเคยเป็นทั้งสนามรบ และลานประหาร มาก่อน   ไม่แปลกจะเป็นที่ที่ใครผ่านไปมาจะรู้สึกไปเอง เพราะที่มาไม่ธรรมดาเลย แต่เรื่องราวที่ทำให้อุโมงค์นี้โด่งดังขึ้นมาว่ากันว่า  มีการพบร่างของหญิงสาวที่มาฆ่าตัวตายอยู่ใกล้ๆ ที่นี่ด้วย ในช่วงประมาณปี 1998 หลังจากนั้นมา ที่นี่ก็กลายเป็นอุโมงผีสิง เคยมีคนได้ยินเสียงร้องไห้ขณะเดินทางผ่านบ้าง บ้างก็เห็นเงาในกระจกหลังรถ และประสบการณ์หลอนอีกมาก มีเรื่องร่ำลือกันจนเป็นตำนานเมือง เขาว่ากันว่า  ถ้าสัญญาณไฟเขียวหน้าอุโมงค์สว่างขึ้น อย่าเพิ่งรีบขับผ่านไป ปล่อยให้ผ่านไปอีกหนึ่งไฟแดงก่อน แล้วค่อยขับเมื่อไฟเขียวอีกครั้ง เชื่อกันว่าไฟเขียวแรกนั้นเป็นการเชื้อเชิญของดวงวิญญาณในอุโมงค์หลอกให้เราเข้าไปนั่นเอง






5. ศาลเจ้าคุบิสึกะ ไดเมียวจิน (Kubizuka Daimyojin Shrine)

        ที่นี่ผู้คนไม่ค่อยมาเยือนมากนัก มีตำนานเล่าขานกันว่าที่นี่เป็นสถานที่ฝังศรีษะของปีศาจ ชูเทนโดจิ (Shutendouji) ที่ออกอาละวาดฆ่าผู้คน และลักพาตัวผู้หญิงในช่วงยุคเฮอัน หลังจากนั้นเมื่อถูกปราบลงได้  วิญญาณก็ถูกสะกดอยู่ ณ.ที่นี่ และทุกๆ ปีก็จะมีจัดงาน ชูเทนโดจิมัตสึริ เพื่อเสริมอาคมสะกดให้แข็งแกร่งขึ้น ส่วนวันอื่นๆ ของปีนั้นก็จะไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ ด้วยบรรยากาศที่ดูวังเวง เก่าคร่ำครึ กลางคืนคงจะน่ากลัวไม่น้อยทีเดียว ตกดึกอากาศเย็นๆมีขาสั่นกันบ้างแหล่ะ







6. สระผีสิง มิโดโรกะ-อิเกะ (Midoroga-ike)

        สระน้ำมิโดโรกะ-อิเกะ ตั้งอยู่ที่เขตคิตะ ที่คนเกียวโตส่วนใหญ่จะรู้จักกันดีว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่หลอน ที่ไม่ค่อยมีใครจะอยากผ่านมาแถวนี้เท่าไหร่นัก แม้ว่าสระน้ำนี้ทางรัฐบาลท้องถิ่นจะตั้งใจสร้างไว้เพื่อเป็นที่สำหรับอนุรักษ์พันธุ์พืช และสัตว์น้ำในแถบนี้ เพราะมีเรื่องเล่าน่ากลัวๆ ถึง 2 เรื่อง ดังนี้

 


  • กลางดึกคืนหนึ่ง มีผู้หญิงเรียกรถแท็กซี่ไปส่งเธอที่ สระแห่งนี้  ด้วยความแปลกที่ว่าดึกๆ ผู้หญิงตัวคนเดียวจะมาทำอะไรที่นี่ แต่ก็ไม่ได้คำตอบ รถก็ขับมาเรื่อยๆ ครั้นมาถึงที่หมาย จู่ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็หายตัวไปเสียเฉยๆ แต่เมื่อดูที่เบาะหลังมันกลับเปียกโชกไปด้วยน้ำ อย่างกับว่าเธอคนนี้ไปตกน้ำที่ไหนมาแล้วมาเรียกแท็กซี่มาจุดที่เธอพลัดตกมา หลังจากนั้นก็ไม่มีแท็กซี่คันไหนอยากพาผู้โดยสารมาส่งที่นี่อีก จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่ปกติดึกๆก็ไม่มีใครเขามาเที่ยวกันที่นี่อยู่แล้ว

  • อีกเรื่องนึงเล่ากันมาว่ามีดวงวิญญาณร้ายคอยหลอกหลอนผู้คนอยู่บริเวณสระน้ำแห่งนี้ ในอดีตเคยมีผู้เสียชีวิตรจมน้ำที่นี่มาก่อน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถเก็บกู้ร่างขึ้นมาได้ เพราะใต้บ่อนั้นเต็มไปด้วยชั้นโคลนหนาแน่น และมีความลึกมาก ใครพลาดตกไปก็นับว่าน่ากลัวอยู่ไม่น้อย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหาบล็อกนี้