น่านเป็นหมุดหมายของหลายๆคนที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวรับลมหนาว ถ้าเรานึกอยากสูดอากาศเย็นชิวๆ และชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ชมทะเลหมอก จะนึกถึงที่ไหน เมื่อเข้าสู่หน้าหนาวแล้วเราจะแพลนไปไหนกันดีนะ แอดจะพาไปชม ผาชู้ เชิงผาชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ตั้งอยู่ในอุทยานศรีน่านแห่งนี้กัน คำว่า “ ชู้ ” ที่ว่านี้ไม่ได้หมายถึงชู้สาว แต่หมายถึงคนรัก ผาชู้แห่งนี้ เป็นหน้าผาสูงชันมีทิวทัศน์สวยงามและที่นี่ยังมีตำนานท้องถิ่นที่เล่าสืบต่อกันมาอีกด้วย เรื่องนี้มีอยู่ว่า
มีชายหญิงคู่หนึ่งเป็นลูกหลานของเจ้านายเมืองน่าน ทั้งสองเป็นคนรักกัน ฝ่ายหญิงมีชื่อว่า เจ้าเอื้องผึ้ง ส่วนฝ่ายชายมีชื่อว่า เจ้าจันทน์ผา ทั้งสองดูใจกันมานานจนคิดจะตกลงปลงใจที่จะแต่งงานกัน แต่แล้วก็มีอุปสรรรคเข้ามา เจ้าเอื้องผึ้งจำใจต้องแต่งงานกับเจ้าจ๋วง ด้วยความเสียใจที่ผิดใจกับคนรักและผิดคำพูด เจ้าเอื้องผึ้งเสียใจมากจึงตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดมากระโดดหน้าผาแห่งนี้ เจ้าจันทน์ผาคิดถึงคนรักก็คิดว่าคงมาที่นี่แน่ๆ ก็ตามมาแต่พบว่าเจ้าเอื้องผึ้งได้กระโดดหน้าผาเสียชีวิตไปแล้ว เจ้าจันทน์ผารู้สึกผิดหวังจึงกระโดดหน้าผาฆ่าตัวตายเพื่อให้ร่างของทั้งคู่ได้อยู่ในที่เดียวกัน
เจ้าจ๋วงก็รักเจ้าเอื้องผึ้งเช่นกัน เมื่อสาวที่ตนเองรักไม่รักตอบและหนีไปกระโดดหน้าผาที่นี่ เขาเห็นหญิงที่ตนรักกระโดดหน้าผาตายไปแล้ว จึงรู้สึกเสียใจมาก จึงขอกระโดดหน้าผาตามลงไปด้วย แต่ร่างทรากรัโดดออกไปนั้นกระเด็นห่างออกไป
ด้วยรักแท้ระหว่างเจ้าเอื้องผึ้งและเจ้าจันทน์ผา จิตวิญญาณของเจ้าเอื้องผึ้งได้ไปสถิตอยู่กับดอกกล้วยไม้ที่เกาะอยู่ใต้ต้นจันทน์ผา ส่วนจิตใจของเจ้าจ๋วงมาสถิตอยู่กับต้นสน ณ จุดที่ตกไปไม่ไกล (ที่มาของชื่อนั้นมีที่มาเช่นกัน “จ๋วง” นั้นเป็นภาษาเหนือแปลว่า ต้นสน ส่วน “เอื้องผึ้ง” แปลว่ากล้วยไม้) นับแต่นั้นมาหน้าผาแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า “ผาชู้” สืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้
ยังมีอีกตำนานหนึ่งซึ่งเป็นต้นแบบแห่งการเขียนเพลง เอื้องผึ้ง จันผา ของอ.จรัล มโนเพ็ชร ได้มีผู้เล่าต่อกันมาว่า แต่เดิมเอื้องผึ้งและจันทน์ผานั้น เป็นคู่รักกัน ทั้งสองให้สัญญาว่าจะรักกันตลอดไป ไม่พรากจากกัน ถ้าหากแม้นคนหนึ่งตายไป อีกคนหนึ่งก็จะขอตายตามกันไป และแล้ววันหนึ่ง หนุ่มจันทน์ผา พาสาวเอื้องผึ้งไปเที่ยวที่ดอย เขาเห็นดอกไม้ชนิดหนึ่ง มีกลิ่นหอม งอกอยู่ที่ต้นไม้ริมผา จึงคิดจะเก็บมาให้สาวเอื้องผึ้ง คนรักของตน เขาจึงปีนไปเก็บดอกไม้นั้นมา แม้เอื้องผึ้งจะห้ามแต่จันทน์ผาก็ยังพยายามจะไปเด็ดดอกไม้มาให้ได้ แต่แล้วชายหนุ่มผู้หวังจะเก็บดอกไม้ให้สาวเป็นของขวัญ ก็พลั้งพลาด จับก้อนหินไม่มั่นคง ลื่นไถลลงเหว สิ้นใจตาย ณ.ตีนผาแห่งนั้น
เอื้องผึ้งร่ำไห้ หัวใจแตกสลาย จึงขอจบชีวิตด้วยการวิ่งเอาหัวชนกับแง่หินที่หน้าผา ตายตามคนรัก เหมือนที่เคยให้สัญญากันไว้ และดอกไม้ที่จันทน์ผาพยายามจะเก็บนั้น ต่อมาคนให้ชื่อว่า ดอกเอื้องผึ้ง ส่วนที่ๆจันทน์ผาตกลงไปตาย ก็มีต้นไม้ชนิดหนึ่งงอกขึ้นมา ผู้คนกล่าวขานเรียกว่า ต้นจันทน์ผาเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ความรักที่ยั่งยืนของคนทั้งคู่ตลอดไป….
ยังมีอีกตำนานเล่าว่า ที่มาของชื่อ ผาชู้ นั้นมาจากคำว่า ผาชูธง เนื่องจากบนยอดผานั้น มีเสาธงปักอยู่ และมีการโรยเชือกลงมาด้านล่าง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ชักธงขึ้นสู่ยอดเสาบนผาได้ คือที่นี่เป็นที่ตั้งของเสาธงที่ยาวที่สุดในประเทศไทย คือมีความยาวถึง 200 เมตรเลยทีเดียว การจะชูธงชาติให้สุดเสาแล้วร้องให้พอดี คือถ้าไม่ชูธงให้เร็วที่สุดก็ต้องร้องเพลงอยู่หลายรอบ ในตอนเช้าๆตื่นมาชมพระอาทิตย์ขึ้น อากาศเย็นสบาย ชมทะเลหมอก ที่ปกคลุมพื้รนที่เบื้องล่าง แม่น้ำน่านที่ทอดตัวคดเคี้ยวสุดสายตา
เกร่นกันมามากแล้ว หากใครอยากไปเที่ยวผาชู้ มีข้อมูลน่าสนใจดังนี้ ผาชู้ ตั้งอยู่ ณ.ที่ทำการ อุทยานแห่งชาติศรีน่าน ตำบลศรีษะเกษ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน ในช่วงฤดูหนาวจะสามารถมองเห็นทะเลหมอกที่สวยงามได้จากยอดผาชู้ และเมื่อหมอกจางจะมองเห็นลำน้ำน่านทอดตัวคดเคี้ยวอยู่ที่ปลายผืนป่า หากจะขึ้นไปชมต้องขึ้นแต่เช้ามืดก่อนพระอาทิตย์ขึ้นระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ช่วงใกล้ขึ้นถึงยอดจะเป็นหินแหลมคม จึงต้องเตรียมรองเท้าผ้าใบที่ใส่กระชับพอดีไปด้วยจะได้ปีนป่ายขึ้นเนินเขาได้คล่องตัว การเดินทางขึ้นเขาไปกลับราวๆ 1 ชั่วโมง ผู้ที่ประสงค์จะเดินขึ้นยอดผาชู้ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางที่อุทยานแห่งชาติศรีน่าน ก่อนนะครับ ข้างบนมีจุดชมวิว บริการเต้นท์ ห้องน้ำสะดวกสะบาย ใครอยากไปติดต่อศูนย์ท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติศรีน่านได้เลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น