นิทานโมโมทาโร เป็นนิทานที่มีชื่อเสียงมาก มีคำกล่าวที่เรามักจะพบพูดว่า“ถ้าพูดโมโมทาโร่ก็นึกถึงโอกายามะ ถ้าพูดโอกายามะก็นึกถึงโมโมทาโร่” และนิทานพื้นบ้านเรื่องนี้ยังมีเค้าโครงมาจากเรื่องจริงจาก"ตำนานยักษ์อุระแห่งคิบิ" ของผู้ปราบยักษ์ คิบิสึฮิโคะ โนะ มิโคะโตะ ดังนั้นที่ตั้งของเมืองคิบิในโบราณก็คือ เมืองโอคายามะในปัจจุบัน “โมโมทาโร่”(桃太郎 Momotaro) เป็นนิทานพื้นบ้าน 1 ใน 5 เรื่องของญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมอย่างมากจนถึงปัจจุบัน เรื่องราวกล่าวถึงเด็กชายผู้ถือกำเนิดจากผลท้อ เดินทางไปปราบยักษ์ ตลอดเส้นทางการเดินทางของโมโมทาโร ชื่อเสียงขนมดังโกะ ณ.ปัจจุบันนี้จึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทำให้เมืองโอคายามะ มีสีสันและเป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว ดังนั้นแอดจึงพามาชมสถานที่เหล่านี้กัน
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ สถานที่แห่งหนึ่งตากับยายคู่หนึ่งอาศัยอยู่ตามลำพัง เพราะไม่มีบุตร จึงใช้ชีวิต
อย่างเงียบเหงาในแต่ละวัน ทั้งสองนั้นต่างช่วยกันทำงานบ้าน โดยตาจะขึ้นไปตัดฟืนบนภูเขาส่วนยายนั้นไปซักผ้าที่ลำธาร อยู่มาวันหนึ่งขณะที่ยายกำลังซักผ้าอยู่ที่ลำธาร ต้นท้อต้นหนึ่งได้ให้กำเนิดลูกท้อที่พิเศษกว่าลูกใดๆ ลูกท้อนั้นเป็นลูกขนาดใหญ่ขนาดเด็กทารกเข้าไปอยู่ได้ จากนั้นลูกท้อผลใหญ่ก็ตกจากต้นลงไปในแม่น้ำ ลอยตุ๊บป่อง ใกล้เข้ามาถึงยาย ยายเห็นดังนั้นก้อุทานกล่าว “นี่คือสิ่งที่วิเศษยิ่งนัก”แล้วเก็บเอาลูกท้อผลใหญ่นั้นกลับบ้านไป
ตอนเย็นวันนั้น เมื่อตากลับมาถึงบ้าน ยายเตรียมผ่าลูกท้อมารับประทาน ขณะที่กำลังจะผ่าลูกท้อนั้น จู่ๆลูกท้อก็ปริแตกออกเป็นสองส่วน กลายเป็นว่ามีเด็กผู้ชายตัวน้อยโผล่ออกมา ตากับยายเห็นดังนั้นก็ดีใจมาก เพราะอยากได้บุตรมานานมากแล้ว จากนั้นก็ตั้งชื่อให้เด็กน้อยว่า “โมโมทาโร่” พร้อมกับเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอม โมโมทาโร่เป็นเด็กที่พิเศษ มีความแข็งแรงกว่าเด็กในวัยเดียวกัน และเมื่อเขาโตขึ้น เขาก็กลายเป็นผู้ที่เก่งกล้ากว่าใครในหมู่บ้าน ในช่วงนั้น มียักษ์จาก"เกาะโอนิกะชิมะ"เข้ามาที่หมู่บ้านของโมโมทาโร่ ยักษ์ทำเรื่องชั่วร้ายต่างๆ นานา ทั้งฆ่าคน ทั้งลักขโมยสิ่งของ
โมโมทาโร่อยากจะไปปราบยักษ์จึงนำเรื่องไปปรึกษาตากับยาย ทั้งสองก็ดีใจมาก ยายได้ทำ "คิบิดังโกะ" ให้โมโมทาโร่ใช้เป็นเสบียงระหว่างการเดินทาง
เมื่อโมโมทาโร่เตรียมตัวพร้อมแล้วจึงเริ่มออกเดินทาง ในระหว่างเดินทาง เขาได้เจอกับสุนัข สุนัขถามขึ้นว่า
สุนัข: “โมโมทาโร่ โมโมทาโร่ จะไปที่ไหน”
โมโมทาโร่: “กำลังจะไปปราบยักษ์ที่เกาะโอนิกะชิมะ”
สุนัข “แล้วของที่คาดอยู่ที่เอวนั้น คืออะไร”
โมโมทาโร่ “อ๋อ นี่คือคิบิดังโกะที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่น”
สุนัข “ขอให้ข้าสักลูกหนึ่ง จะได้ไหม”
โมโมทาโร่ “หากไปกับข้าก็จะมอบให้”
สุนัขจึงกลายเป็นสมุนของโมโมทาโร่และเดินทางไปด้วยกัน เมื่อเดินทางไปได้สักครู่ก็พบเจอลิงกับไก่ฟ้า
ลิงและไก่ฟ้าได้รับคิบิดังโกะจึงกลายเป็นสมุนของโมโมทาโร่และร่วมกันเดินทางไปยังเกาะโอนิกะชิมะ
ครั้นพอโมโมทาโร่และพรรคพวกเดินทางมาถึงถำ้ยักษ์ เมื่อพวกยักษ์เห็นโมโมทาโร่ก็ตกใจมาก พูดขึ้นว่า “แย่แล้ว แย่แล้ว โมโมทาโร่ผู้แข็งแกร่งมาถึงแล้ว”
พวกยักษ์ปิดประตูเหล็กอันใหญ่อย่างรวดเร็ว แล้วรวมตัวกันปกป้องประตูทางเข้า-ออก ทำให้โมโมทาโร่กับสมุนตกที่นั่งลำบาก เข้าไปด้านในไม่ได้ ทันใดนั้น ไก่ฟ้าได้บินขึ้นฟ้า บินเหนือประตูเข้าไปด้านใน เปิดที่กั้นแล้วเปิดประตูออกมา พวกโมโมทาโร่จึงเข้าไปด้านในได้
เหล่ายักษ์ก็เอะอะโวยวายกันยกใหญ่ ทันทีที่บรรดาสมุนโมโมทาโร่เข้าไปได้ก็เริ่มจู่โจม ไก่ฟ้าเข้าไปจิก ลิงเข้าไปข่วน สุนัข
เข้าไปกัด และโมโมทาโร่ยกดาบพุ่งไปหาพญายักษ์ บรรดายักษ์ต่อสู้อย่างสุดชีวิตแต่ก็สู้โมโมทาโร่ไม่ได้เลย ในที่สุดหัวหน้ายักษ์ก็ยอมจำนน
ยักษ์ “ข้าแพ้แล้ว ให้อภัยพวกข้าด้วยเถิด”
บรรดายักษ์ขอโทษและยกทรัพย์สมบัติให้แก่โมโมทาโร่
โมโมทาโร่ “จากนี้ต่อไป หากไม่ทำเรื่องชั่วร้ายข้าจะยอมให้อภัย”
ต่อจากนั้น โมโมทาโร่ได้ขนทรัพย์สมบัติลงเรือ พาบรรดาสมุน ได้แก่ สุนัข ลิง และไก่ฟ้า กลับไปยังหมู่บ้านที่ตายายอาศัยอยู่ ตากับยายกำลังเป็นห่วงโมโมทาโร่อยู่ แต่เมื่อเห็นโมโมทาโร่กลับมาอย่างปลอดภัยพร้อมกับทรัพย์สมบัติมากมายก็ดีใจเป็นอย่างมาก
เรื่องราวของเมืองโอคายาม่าและขนมดังโกะนั้นขึ้นชื่ออย่างมาก ดังคำกล่าวว่า “หากพูดถึงจังหวัดโอกายะมะก็ต้อง
นึกถึงโมโมทาโร่ และหากพูดโมโมทาโร่ก็นึกถึงจังหวัดโอกายะมะ” และจุดที่มีความเกี่ยวโยงกับเรื่องเล่านี้มากที่สุดก็คือ ศาลเจ้าคิบิทสึนั่นเอง เป็นศาลเจ้าที่สร้างขึ้นเพื่อสักการะ เจ้าชายโอคิบิสึฮิโกะ โนะ มิโคโตะ ที่มีตำนานเกี่ยวกับวีรกรรมอันกล้าหาญในการออกไปปราบยักษ์์อุระ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นต้นแบบของนิทานเรื่องโมโมทาโร่นั่นเอง และที่นี่ยังมีความเชื่อว่าหัวของยักษ์ที่ถูกปราบนั้นได้ถูกนำมาใส่ไว้ในหม้อ และฝังเอาไว้ใต้ศาลเจ้าแห่งนี้นั่นเอง
ศาลเจ้าคิบิสึฮิโคะบิสึ
เป็นศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ที่เมืองอิจิโนะมิยะ เมืองโอคายามะเช่นกัน ศาลเจ้าแห่งนี้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่อุระมาเข้าฝัน คิบิสึฮิโคะ โนะ มิโคะโตะ บอกให้ภรรยาและธิดาของตนปรุง
อาหารมอบให้แก่เขา แล้วจะหยุดร้องครวญคราง รวมทั้งจะทำนายโชคชะตาของเมืองให้ด้วย จึงมีการสร้าง
แท่นบูชาและนำกระโหลกศีรษะของอุระมาเก็บไว้ที่ใต้แท่นบูชา
ดังนั้นจที่นี่จึงมี พิธีกรรมสำคัญคือ “นารุคามะ ชินจิ” ซึ่งเป็นพิธีกรรมในการทำนายถึงโชคดีหรือโชคร้ายโดยการฟังเสียงจากหม้อข้าวไม้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ถึงการฟังเสียงร้องครวญครางจากศีรษะของยักษ์ที่ถูกเก็บเอาไว้ในหม้อตามตำนาน นอกจากนี้รูปแบบอาคารของศาลเจ้าคิบิทสึยังมีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์จากสถาปัตยกรรมแบบคิบิสึ-สุคุริ ซึ่งตัวอาคารและหลังคานั้นจะแผ่ขยายออกทั้งสองด้านจนมีลักษณะคล้ายกับนกที่กำลังสยายปีกออก
ศาลเจ้านี้นอกจากจะมีความเกี่ยวข้องกับตำนานแล้ว ตัวอาคารก็ยิ่งใหญ่และสวยงาม รวมถึงเป็นจุดชมวิวซากุระที่เป็นที่นิยมแห่งหนึ่งในโอคายาม่า
นาคา
ยามะฉะอุสุยามะโคะหุน) ตั้งอยู่ที่เมืองคิบิสึโอกายามะเป็นหลุมศพของคิบิสึฮิโคะบิสึมีลักษณะเป็นรูปกุญแจ
ยาว 120 เซนติเมตรสร้างขึ้นใกล้กับบริเวณคิบิโนะนากายามะเมื่อประมาณกลางคริสต์ศตวรรษที่3-4 ปัจจุบัน
อยู่ในการดูแลของสำนักพระราชวัง
ปราสาทยักษ์(鬼ノ城Kinojouคิโนโจ)
ตั้งอยู่ที่เมืองคุโรโอะโซจะโอคุซากะปราสาทของยักษ์
อุระแห่งนี้สร้างบนเขาสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 400เมตร มีกำแพงหินล้อมรอบปราสาท ยาวประมาณ
2.8 กิโลเมตร ภายในปราสาทมีพื้นที่ประมาณ 300,000ตารางเมตร
ถ้ำหินยักษ์โอนิโนะอิวะยะ(鬼の岩屋Oninoiwayaโอนิโนะอิวะยะ)
ตั้งอยู่ที่เมืองอิวะยะโซฉะ
เป็นถ้ำหินขนาดใหญ่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของปราสาทยักษ์(คิโนโจ)ซึ่งห่างจากปราสาทยักษ์(คิโนโจ)
ประมาณ 3 กิโลเมตร กล่าวกันว่า เป็นที่อาศัยของยักษ์อุระ
หม้อยักษ์โอนิโนะคามะ(鬼の釜Oninokamaโอนิโนะคามะ)
ตั้งอยู่ที่เมืองนิอิยามะโซฉะ เป็น
หม้อเหล็กขนาดใหญ่ (เส้นผ่าศูนย์กลาง 185 เซนติเมตร ความลึก 105 เซนติเมตร) ตั้งอยู่ระหว่างขึ้นไปยัง
ปราสาทยักษ์(คิโนโจ) กล่าวกันว่าอุระเป็นผู้ใช้หม้อใบนี้ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่
สำคัญของเมืองโซฉะเมื่อปี 1964
บริเวณที่ลูกธนูของคิบิสึฮิโคะโนะมิโคะโตะร่วงหล่นลงมาจากการต่อสู้กับยักษ์อุระ
ตั้งอยู่ที่เมืองทากะสึกะ โอกายามะ ด้านในมีหินก้อนใหญ่ 4 ก้อน กล่าวกันว่า
อุระได้โยนก้อนหินเหล่านี้ลงมาจากปราสาท ตอนที่ต่อสู้กับคิบิสึฮิโคะโนะมิโคะโตะ
ศาลเจ้าโคอิกู(鯉喰神社Koigujinjaโคอิกูจินจะ)
ตั้งอยู่ที่เมืองชิยะเบะคุระชิคิเป็นศาลเจ้าที่
สร้างขึ้นเพื่อระบุสถานที่ซึ่งอุระที่แปลงกายเป็นปลาคาร์พ ด้ถูกคิบิสึฮิโคะโนะมิโคะโตะที่แปลงกายเป็นนกกาน้ำ
คาบจับตัวไว้ได้และถูกสังหารในที่สุด
โบราณสถานทาเทะซึคิ(楯築遺跡Tatetsukiiseiki)
ตั้งอยู่ที่เมืองชิยะเบะคุระชิคิเป็นเนินฝัง
ศพ ยาวประมาณ 80 เมตร มีหลุมศพที่ใหญ่สุดในสมัยยาโยอิ(300-250 B.C.) ประดิษฐานอยู่สถานที่แห่งนี้มี
ร่องรอยของหิน 5 ก้อนใหญ่ ที่สร้างเป็นเกราะกำบังการต่อสู้ของคิบิสึฮิโคะโนะมิโคะโตะด้านในมีก้อนหินที่มี
ลักษณะเหมือนเต่า สถานที่นี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งบ่งชี้ร่องรอยประวัติศาสตร์ของชาติในปี1981
แม่น้ำสายเลือด(血吸川Chisuigawaจิสุอิกาวะ)
เป็นแม่น้ำที่มีต้นกำเนิดมาจากคิโนะโจซัน
(ปราสาทยักษ์) ที่ไหลไปยังเมืองทากะสึกะโอกายามะรวมความยาว 4.8 กิโลเมตร กล่าวกันว่า แม่น้ำแห่งนี้
เป็นสีเลือดเนื่องจากเลือดของอุระจากบาดแผลในการต่อสู้กับคิบิสึฮิโคะโนะมิโคะโตะได้หยดลงและไหลมาสู่
แม่น้ำแห่งน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น