1.Salar De Uyuni – Bolivia
สถานที่สวยงามแปลกตาเหมือนภาพวาด หากใครมองรูปนี้ผ่านๆ อาจนึกว่าเป็นภาพตัดต่อ เหมือนเรากำลังเดินอยู่ในโลกที่มีพื้นเป็นกระจกสีท้องฟ้าสุดสวย เดินไปยังท้องฟ้าที่กว้างไกลสุดสายตา เมื่อได้ไปเยือนก็อดไม่ได้ที่จะถ่ายภาพประทับใจนี้เก็บไว้Salar de Uyuni ( ซาลาร์ เดอ อูยูนี ) เป็นบ่อเกลือที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีอณาเขตกว้าง 10,582 ตารางกิโลเมตร บ่อเกลือแห่งนี้ตั้งอยู่ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศโบลิเวียใกล้ยอดของเทือกเขา Andes และตั้งอยู่บนความสูงที่ไม่น้อยเลย ที่ความสูง 3,656 เมตรจากระดับน้ำทะเล
ด้วยมนตร์เสน่ห์ของผลึกเกลือสีขาวอันกว้างใหญ่ สวยงามดังภาพวาด ทำให้ใครๆต่างก็อยากมาเยือน Salar de Uyuni ที่นี่นั้นเป็นดังสถานที่ในฝันของนักท่องเที่ยวผู้ชื่นชอบแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติจากทั่วทุกมุมโลก เหล่านักท่องเที่ยวต่างเดินทางมาเยี่ยมเยือนอย่างไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะในช่วงฤดูแล้ง หรือฤดูฝน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่งดงามที่สุด คือช่วง ฝนตก จนเกิดผืนน้ำปกคลุมผลึกเกลือ พื้นเกลือโดยรอบจะใส จนสะท้อนภาพท้องฟ้า สวยงามมาก เป็นภาพทิวทัศน์ที่สวยแปลกไม่มีที่ใดเหมือน
การเกิดขึ้นของบ่อเกลือ
ปรากฎการณ์ธรรมชาติที่ทำให้ Salar de Uyuni เป็นบ่อเกลือขนาดใหญ่มีอยู่ว่า จากการที่ Altiplano(ที่ราบสูงอัลติพลาโน) บนเทือกเขา Andes ของโบลิเวียนั้น ไม่มีทางระบายน้ำออก ทำให้น้ำจากภูเขาที่อยู่ล้อมรอบไหลมารวมกันจนเกิดเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ เกิดเป็นน้ำทะเลขังเมื่อถูกความร้อนจากแสงอาทิตย์โดยตรงทำให้น้ำระเหยไป เกิดเป็นผลึกเกลือที่ค่อย ๆ ก่อตัวหนาขึ้น ในที่สุดก็กลายมาเป็นทะเลเกลืออย่างที่เห็น
ใครอยากไป ช่วงเวลาที่เหมาะสมคือ
มีสองฤดูกาลที่แตกต่างกันคือ ฤดูฝน (เดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายน) อาจจะต่างกับบ้านเราอยู่สักหน่อย แต่ช่วงธันวาคมก็มีฝนตกและช่วงเดือนธันวาคมและมกราคมนั้นฝนจะตกชุก อาจทำให้เกิดการยกเลิกทัวร์
ในช่วงฤดูแล้ง (เดือนพฤษภาคมถึงเดือนพฤศจิกายน) อุณหภูมิจะเย็นลง พื้นดินจะแข็งตัวและนักท่องเที่ยวสามารถขับรถข้ามได้ด้วย ซึ่งจะไปไม่ได้ในฤดูฝน
ด้วยมนตร์เสน่ห์ของผลึกเกลือสีขาวอันกว้างใหญ่ สวยงามดังภาพวาด ทำให้ใครๆต่างก็อยากมาเยือน Salar de Uyuni ที่นี่นั้นเป็นดังสถานที่ในฝันของนักท่องเที่ยวผู้ชื่นชอบแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติจากทั่วทุกมุมโลก เหล่านักท่องเที่ยวต่างเดินทางมาเยี่ยมเยือนอย่างไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะในช่วงฤดูแล้ง หรือฤดูฝน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่งดงามที่สุด คือช่วง ฝนตก จนเกิดผืนน้ำปกคลุมผลึกเกลือ พื้นเกลือโดยรอบจะใส จนสะท้อนภาพท้องฟ้า สวยงามมาก เป็นภาพทิวทัศน์ที่สวยแปลกไม่มีที่ใดเหมือน
การเกิดขึ้นของบ่อเกลือ
ปรากฎการณ์ธรรมชาติที่ทำให้ Salar de Uyuni เป็นบ่อเกลือขนาดใหญ่มีอยู่ว่า จากการที่ Altiplano(ที่ราบสูงอัลติพลาโน) บนเทือกเขา Andes ของโบลิเวียนั้น ไม่มีทางระบายน้ำออก ทำให้น้ำจากภูเขาที่อยู่ล้อมรอบไหลมารวมกันจนเกิดเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ เกิดเป็นน้ำทะเลขังเมื่อถูกความร้อนจากแสงอาทิตย์โดยตรงทำให้น้ำระเหยไป เกิดเป็นผลึกเกลือที่ค่อย ๆ ก่อตัวหนาขึ้น ในที่สุดก็กลายมาเป็นทะเลเกลืออย่างที่เห็น
ใครอยากไป ช่วงเวลาที่เหมาะสมคือ
มีสองฤดูกาลที่แตกต่างกันคือ ฤดูฝน (เดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายน) อาจจะต่างกับบ้านเราอยู่สักหน่อย แต่ช่วงธันวาคมก็มีฝนตกและช่วงเดือนธันวาคมและมกราคมนั้นฝนจะตกชุก อาจทำให้เกิดการยกเลิกทัวร์
ในช่วงฤดูแล้ง (เดือนพฤษภาคมถึงเดือนพฤศจิกายน) อุณหภูมิจะเย็นลง พื้นดินจะแข็งตัวและนักท่องเที่ยวสามารถขับรถข้ามได้ด้วย ซึ่งจะไปไม่ได้ในฤดูฝน
2.Sea of Stars, Vaadhoo Island – Maldives
มหัศจรรย์แห่งท้องทะเลยามค่ำคืนของ วาดู เกาะมัลดีฟส์ นั้นในยามค่ำคืนเมื่อเดินลัดเลาะชายหาด จะรู้สึกเหมือนเดินอยู่ท่ามกลางแสงไฟจากหมู่ดาว เพราะตลอดแนวชายหาดของที่นี่จะมีแพลงตอนนับล้านตัวสะท้อนแสงอ่อนๆ เกิดประกายวิบวับเต็มชายหาด พืชที่เรืองแสงเหล่านี้เรียกว่า Bioluminescent เราสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า โดยแพลงตอนจะสะสมพลังงานจากแสงอาทิตย์เอาไว้ในตอนกลางวัน และจะปล่อยแสงสีน้ำเงินออกมาในตอนกลางคืนในน้ำนั่นเอง
เมื่อคลื่นขนาดเล็กที่เข้าซัดแนวชายฝั่งทำให้เกิดความเคลื่อนไหวของน้ำ จะเกิดแสงสีฟ้าน้ำเงินเรืองรอง น่าตื่นตาตื่นใจแต่น่าเสียดายที่การเรืองแสงอยู่ได้เพียง 2-3 ชั่วโมงเท่านั้นหลังจากนั้นแสงจะค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ ใครไปถึงช้าอดดูเพราะไม่ได้สว่างตลอดคืน สถานที่ขึ้นชื่อนี้ไม่ได้มีดีแค่ชายหาดสวยงาม บริการและเซอร์วิจที่พักชั้นยอดก็เป็นอีก 1 ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกด้วยรีสอร์ทระดับห้าดาว และทริปชมปะการังที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์ เพียงเท่านี้ก็เป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าน่าจดจำแล้ว
3.Tianzi Mountains – China
เขาเทียนจื่อซาน (Tianzi Shan) หรือเขาจักรพรรด์ แหล่งท่องเที่ยวเมืองจางเจียเจี้ย เป็นเขาอันเต็มไปด้วยชะง่อนผาที่สูงชัน ลำห้วยลึกและป่าหิน มีหินยักษ์ในรูปลักษณะแปลกตา ตั้งตะหง่านเหมือนเสาค้ำฟ้า ยิ่งถ้ามองจากเบื้องบนจะเห็นเป็นเสาสูงทะลุหมอก เหมือนเสาลอยฟ้าอยู่ ด้วยทิวทัศน์แปลกตา ไม่ธรรมดานี้ Jame Cameleon จึงเลือกไปทำภาพยนตร์ Avatar เพราะดูคล้ายสถานที่สวยงามนอกโลก
"เขาจักรพรรดิ์" ตั้งอยู่ที่มณฑลหูหนาน (Hunan) เป็นภูเขาที่เกิดจากการกัดกร่อนภูเขาหินปูน ในอดีตที่แห่งนี้อยู่ใต้ท้องทะเล ด้วยความเป็นหินที่กัดกร่อนได้ง่าย เวลาผ่านๆไปจึงกลายมาเป็นเสาหินรูปร่างแปลกตาในปัจจุบัน เสาหินบางแท่งนั้นมีความสูงถึง 4,000 ฟุตหรือราวๆ 1200 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลเลยทีเดียว
ด้วยชื่อเสียงของมัน ทำให้นักท่องเที่ยวรู้จักกันในนาม เขาอวาร์ตาร์ สำหรับนักท่องเที่ยว ที่นี่มีบริการเคเบิลคาร์เพื่อขึ้นไปที่จุดชมวิว ซึ่งจุดสูงสุดอยู่ที่ 1,262 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีจุดชมวิวไฮไลท์ที่สำคัญ คือ ป่าทะเลหินตะวันตก West Sea Stone Forests จุดนี้นักท่องเที่ยวจะได้พบกับเหล่าขุนเขามากมายที่มีรูปร่างหลากหลายเหมือนท่อนไม้ ซึ่งในช่วงฤดูร้อนหรือฤดูใบไม้ผลิจะเกิดหมอกเป็นคลื่นปกคลุมทั่วหุบเขา
4.The Antelope Canyon, Arizona – United States
ธรรมชาติสร้างสรรสิ่งสวยงามไม่เหมือนใคร ด้วยแคนยอนมีสภาพแบบนี้ก็เนื่องมาจากพลังของธรรมชาติล้วนๆ เมื่อการกัดเซาะของกระแสลมและกระแสน้ำผัดผ่านผิวหน้าของหินซ้ำๆ เกิดเป็นแนวโค้งเว้าแหว่งและริ้วรอยเป็นเส้นสายไหลพริ้วบนก้อนหิน ที่นี่จึงเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมเมื่อแสงตกกระทบพื้นผิวทรายและผนังรอบๆเกิดเป็นสีสันสุดอัศจรรย์ที่เกิดจากการสะท้อนแสงกับชั้นหิน
ที่ Antelope Canyon เป็นเขตพื้นที่ของคนท้องถิ่น นาวาโฮ ประกอบด้วยหุบเขาแคบๆ สองส่วนคือ Upper Antelope Canyon หรือที่รู้จักกันในชื่อ “The Crack” อีกส่วนคือ Lower Slot Canyon หรือที่เรียกว่า “The Corkscrew” ผู้คนที่นี่เคารพสถานที่ เปรียบที่นี่เป็นดังโบสถ์ของพวกเขา แม้เขาจะยอมให้เราถ่ายรูปได้ แต่ใครจะเอาไม้เซลฟี่ติดไปด้วยเป็นสิ่งห้าม รวมถึงอุปกรณ์ที่เกิดไปทำลายชั้นหินอื่นๆด้วยเช่นกัน เนื่องจากเป็นที่ๆสำคัญ ของคนท้องถิ่นการเดินเที่ยวจึงมีไกด์ที่ขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการเท่านั้น
5.Deadvlei – Namibia
หุบเขามรณะ หรือ deadvalley เมื่อเรามองภาพนี้ครั้งแรก ใครจะไปคิดว่าเป็นภาพถ่าย สถานที่นี้มีต้นไม้อายุเกือบพันปี ตั้งอยู่ท่ามกลางโคลนสีขาวแห้งๆ สีขาวตัดกับเนินทรายสีแดงที่เป็นเนินเขาแห่ง Sossusvlei ประเทศนามิเบีย สถานที่ที่ดูเหมือนหุบเขาแห่งความตายนี้ เป็นพื้นที่อนุรักษ์ในทะเลทรายที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ครอบคลุมพื้นที่เกือบ 50,000 ตารางกิโลเมตรและเป็นพื้นที่คุ้มครองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศนามิเบีย
ในอดีตนั้น Deadvlei เคยเป็นหนองน้ำที่ถูกน้ำท่วมขังจากการเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่จากแม่น้ำ Tsauchab ที่เอ่อล้น เกิดเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ มีต้นคาเมลธอร์น(Camelthorn) ขึ้น และเริ่มเติบโตในหนองน้ำนี้ วันเวลาผ่านไป 200 ปี สภาพภูมิอากาศก็ได้เปลี่ยนไป แนวทะเลทรายเริ่มรุกล้ำเข้ามาจนปิดกั้นแม่น้ำ ด้วยสภาพอากาศที่เลวร้ายนี้เอง ทำให้น้ำค่อยๆระเหยออกไปเรื่อยๆ ต้นไม้เริ่มตาย สภาพของต้นไม้เริ่มกลายเป็นต้นแห้งๆอย่างที่เห็น
สถานที่แห่งนี้เลยกลายเป็นทิวทัศน์สุดแปลก มองดูแล้วเหมือนภาพวาดแนว surreal นักท่องเที่ยวจึงต้องค่อนข้างระวังจากอากาศร้อนจากการขาดน้ำ และฮีทสโตรก เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำควรที่จะดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อย 2 ลิตร ทาครีมกันแดด สวมอุปกรณ์กันแดดทั้งเสื้อผ้า แว่นกันแดด หมวก เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำโดยตรง ถึงแม้จะไปเที่ยวในช่วงฤดูหนาว
6.Santorini – Greece
เกาะสวรรค์ที่มีธรรมชาติสวยงามอย่างยิ่งในประเทศ กรีซ ตั้งอยู่ทางใต้ของทะเล Aegean นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนที่นี่ล้วนมาพักผ่อนหย่อนใจ สัมผัสธรรมชาติ ชื่นชมท้องฟ้าที่สวยงามและพักตากอากาศในเกาะกลางทะเลที่สวยสดใส นอกจากความเป็นเกาะที่สวยงามแล้ว อาคารสีขาวที่โดดเด่นในหมู่บ้านที่มีชื่อว่า Oia ทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นเหมือนแลนด์มารค์ที่ใครก็อยากไปเยือน ไปท่องเที่ยวถ่ายรูปโดยเฉพาะจุดถ่ายรูปโดมสีน้ำเงินที่โดดเด่นสีสันสดใส
ปัจจุบันชุมชนเล็กๆที่มีชาวบ้านราวๆ พันคนนี้ก็ได้กลายเป็นรีสอร์ทเล็กๆ ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาชมวิว นักท่องเที่ยวนอกจากจะได้ชมธรรมชาติสวยๆชมบรรยากาศนอกหน้าต่างผ่านระเบียงแล้วยังได้ชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลกอีกด้วย สถานที่ชมวิวพระอาทิตย์ตกถูกเรียกว่า BALCONY TO THE AEGEAN บนจุดสูงที่สุดของ Caldera ความสวยงามอันน่าตื่นเต้นนี้คงเป็นความประทับใจอันไม่รู้ลืมเมื่อมีโอกาสมาเยือน ถือเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างสถาปัตยกรรมกับธรรมชาติ นอกจากจุดชมวิวแล้วที่นี่ยังมีจุดเล่นน้ำ ชมโบราณสถานเก่าแก่ อายุ 2900 ปี เมืองหลวงเก่าแก่ที่รายล้อมไปด้วยเกาะ
7.Red Beach, Panjin – China
นอกจากชมสาหร่ายสีแดงแล้ว นักท่องเที่ยวยังได้ชื่นชมเหล่านกกระเรียน กว่า 260 สายพันธ์ุ ที่เดินทางอพยพจากออสเตรเลียมาพักที่นี่ สถานที่นี้เป็นอีกหนึ่งอันซีนที่เดินทางมาชมไม่ยากนัก จากปักกิ่งเดินทางด้วยรถใช้เวลาเพียง 6 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว
8.The Road to Heaven, Huashan Mountain – China
หุบเขาหัวซานดินแดนที่ฝึกวรยุทธ์ในหนังกำลังภายในจีน ณ.วันนี้ได้กลายเป็นสถานที่ท้าทายของบรรดานักท่องเที่ยวที่อยากท้าทายตัวเอง ผู้ซึ่งต่างเดินทางสู่ช่องเขาแคบๆสู่ยอดเขาบนที่สูงเสียดฟ้าดังทางเดินสู่สวรรค์ ใครที่เผลอพลาดลงไปคงไม่ได้ถึงสวรรค์อย่างแน่นอน แต่ถึงจะมีอันตรายจนจัดเป็นสถานที่ๆอันตรายที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ก็ยังมีคนที่อยากเดินทางมาชมภูเขาแห่งนี้อยู่เนืองๆ เพราะ หัวซาน หรือ ฮว่าซาน มีตำนานขึ้นชื่อ และเป็นหนึ่งในฉากหนังสือนิยายกำลังภายในของกิมย้ง ที่ยกที่นี่เป็นสถานที่ฝึกฝนกำลังภายในของเหล่าผู้มีวรยุทธ
นอกจากความสูงสุดบนยอดเขาที่อันตรายแล้ว ทางเดินบันไดของเขาแห่งนี้ยังสร้างขึ้นอย่างไม่ได้มาตรฐาน ใครที่เดินทางผ่านหุบเขาน้อยใหญ่จึงเดินทางกันช้าๆ และบางทีอาจพลาดชมสถานที่อันตรายบางจุดที่เป็นเพียงไม้กระดานกับทางเดินอันคับแคบเพราะหลังจากเดินทางด้วยกระเช้าแล้ว การจะชมสถานที่ที่เหลือจึงต้องเดินเท้า ผ่านเส้นทางเก่าแก่ชมทิวทัศน์อันงดงามจากยอดเขาทั้ง 5 และด้วยทิวทัศน์สูงและสวยงามนี้มันเป็นภาพประทับใจที่หาดูยาก ก็ไม่แปลกที่ทำไมผู้คนมากมายถึงได้หลั่งไหลมาเยี่ยมชมวิวอันตระการตาแบบนี้ เพราะมันไม่ใช่สถานที่ๆจะหาดูได้ง่ายๆเลย แต่แม้จะสูงเสียดฟ้าแต่บนยอดเขาฝั่งตะวันตก ยอดทิศตะวันตก หรือ ซีฟง ก็ยังมีโรงแรมที่พัก เป็นยอดเขาที่เค้าว่า สวยที่สุดของหัวซาน เป็นจุดถ่ายรูปสุดสวยที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว ที่ไม่อยากชมแค่ภาพวิวสวยๆ ยังอยากเดินทางมาเห็นกับตาด้วย
ส่วนยอดที่สูงที่สุดนั้นคือ ยอดทิศใต้ หรือ หนานฟง (South Peak) เป็นยอดที่สูงที่สุดของหัวซาน คือ สูงกว่า 2,154 เมตร มีอักษรสลักบนพื้นมากมาย ได้ความขลังเหมือนเดินทางมาจุดที่เจ้าวรยุทธ์ได้ทิ้งร่องรอยเอาไว้ ใครเดินทางได้ครบทุกยอดไม่ง่ายเลย สมควรได้รับการยกย่องว่าได้ผ่านการฝึกวิชามาจริงๆ
ติดตามคลิปเสียงได้ที่นี่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น