Funny game for your mobile

ตำนานถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน

         




        ถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยนางนอน จังหวัดเชียงราย นักธรณีวิทยาได้จัดลำดับให้ ถ้ำหลวงเป็นถ้ำหินปูนที่ยาวเป็นอันดับที่ 4 ของประเทศไทย ด้วยความยาวทั้งหมด 10,316 เมตร เป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ มีน้ำซับตลอดทั้งปี และจะมีน้ำไหลในช่วงฤดูฝน

      ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยสวยงาม เกล็ดหินสะท้อนแสง ธารน้ำและถ้ำลอด ถ้ำหลวงจึงเป็นหนึ่งในถ้ำที่ยังคงมีการสำรวจจากนักท่องเที่ยวอยู่ตลอด เพราะยังไม่มีใครเคยไปถึงจุดที่ลึกที่สุด เพราะข้างในเต็มไปด้วยความยากลำบากเพราะหินงอกหินย้อยที่ปิดปากถ้ำจนคับแคบ อีกทั้งเวลาฝนตกทีไรน้ำก็ท่วมถ้ำโดยตลอด การเดินทางจึงต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย



ตำนานของถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน :

มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับตำนานความรักไว้หลากหลาย แต่ตำนานที่รู้จักกันดีก็คือ ตำนานความรักเจ้าหญิงแห่งสิบสองปันนาที่ไม่สมหวังในความรัก ขณะตั้งครรภ์ และรอคนรักจนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิต

ตำนานดอยนางนอน เล่าขานว่า ณ เมืองเชียงรุ้ง สิบสองปันนา มีเจ้าหญิงองค์หนึ่งมีพระรูปโฉมงดงามเป็นที่ยิ่ง ชายใดเห็นก็หลงรัก แม้จะมีชายหมายปองมากมาย นางก็ยังไม่ตกลงปลงใจกับผู้ใด อยู่มาวันหนึ่งนางได้พบกับชายธรรมดาๆที่เลี้ยงม้าส่วนตัวให้พระองค์ ด้วยความใกล้ชิด นางก็ได้ตกหลุมรักกับชายเลี้ยงม้า และได้แอบรักกัน ทั้งสองได้พบกันในที่เปิดเผยและแอบไปพบกันอยู่ลับๆมาโดยตลอด จนในที่สุดเจ้าหญิงก็พลั้งเผลอมีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งเกินกว่าที่จะควบคุมได้ นางรู้สึกว่าตนเองกำลังท้อง แต่แล้วด้วยกลัวความผิดว่าจะถูกจับได้ จึงตกลงที่จะหนีตามกันไป จนหนีมาถึงที่ราบใกล้แม่น้ำโขง ทันทีที่เดินทางไปถึงที่นั่น เจ้าหญิงก็ทรงครรภ์ได้หลายเดือนแล้ว นางไปต่อไม่ไหว บอกคนเลี้ยงม้าว่าจะประทับรออยู่ที่นั่น คนเลี้ยงม้าก็บอกว่าจะไปหาอาหารมาให้ อย่าไปไหน แล้วชายหนุ่มก็ออกไป แต่ทว่าถูกจับได้เสียก่อน นางก็ได้แต่เฝ้ารอ รอเท่าไหร่ก็ไม่กลับมาสักทีจึงกลับไปที่วังก็มารู้ว่า คนรักของนางถูกฆ่าโดยทหารของพระราชบิดาของเจ้าหญิงที่สะกดรอยตามมานั่นเอง

        ด้วยความเสียใจ นางร้องห่มร้องไห้ แล้วจึงใช้ปิ่นปักผม แทงพระเศียรของตนจนเลือดไหล เลือดที่ไหลนั้น ไหลออกมาดุจสายน้ำ กลายเป็นแม่น้ำแม่สายในทุกวันนี้ และร่างของพระองค์ก็กลายเป็นเนินเขาร่างคนที่นอนเหยียดยาวจากทิศใต้จรดทิศเหนือ กลายเป็นดอยนางนอนจนทุกวันนี้ 

ร่างของพระนางขุนน้ำนางนอน

        ดอยต่างๆที่มีหลายลูกนั้นมีชื่อเรียกต่างกันไปด้วยดังนี้
โดยทางไปอำเภอแม่จัน จะเห็นขุนเขาทอดตัวคล้ายผู้หญิงนอนเหยียดยาว เรียกว่า ดอยนางนอน ดอยส่วนที่ศีรษะเรียกว่า ดอยจ้อง หรือ ดอยจิกจ้อง (เดิมเรียกดอยนี้ว่า ดอยท่าหรือดอยต้า) ดอยลูกถัดมาเรียกว่า ดอยย่าเฒ่า ซึ่งเป็นบริเวณหน้าอก ส่วนดอยอีกลูกหนึ่งที่เป็นบริเวณส่วนท้องคือ ดอยดินแดง หรือเป็นที่รู้จักกันดีในนามของ ดอยตุง

ถ้ำหลวง

ถ้ำหลวงนั้นตั้งอยู่ในขุน้ำนางนอน บริเวณถ้ำมี "ศาลเจ้าแม่นางนอน" ตั้งอยู่ ผู้คนในพื้นที่มักจะเข้ามาบนบานขอให้สมหวังตลอด 



        เชื่อกันว่า ดอยทั้ง 3 นี้เป็นที่อยู่อาศัยเดิมของลาวจักราช ผู้เป็นต้นวงศ์ของพญามังราย ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายมาสร้างเมืองหิรัญนครเงินยาง เหนือดอยดินแดงเป็นที่ประดิษฐานพระธาตุดอยตุง อันถือเป็นปฐมธาตุแห่งแรกของภาคเหนือ

ตำนานที่ 2

       พญานาคตัวหนึ่งออกตามหาลูกสาวที่ถูกพญาครุฑลักพาตัวไป จนพบลูกสาวนอนอยู่ตรงบริเวณที่เป็นต้นน้ำ ปัจจุบันเรียกว่า “ขุนน้ำนางนอน” พญานาคขอลูกสาวคืน แต่พญาครุฑขอแลกตัวนางกับทองคำ
ทุกวันนี้แหล่งน้ำที่พญานาคนำทองคำขึ้นจากบาดาลนั้นเรียกว่า “หนองตานาค” บริเวณที่พญานาคส่งทองคำให้พญาครุฑเรียกว่า “หนองละกา” ส่วนทองคำถูกนำไปเก็บไว้ที่ “ถ้ำทรายทอง” และพญานาคยังได้สร้างเจดีย์ เป็นอนุสรณ์ ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า “พระธาตุจอมนาค” จนถึงปัจจุบัน

 

ตำนานที่ 3

      เจ้าหญิงเมืองพุกาม กรีธาทัพออกตามหาเจ้าชายที่นางรัก นางออกรบ และขยายอาณาเขตมาเรื่อยๆ จนมาถึง “เวียงสี่ทวง” จึงพบกับเจ้าชาย แต่ปรากฏว่าเจ้าชายหนีหายไปกับสาวสวยชาวเวียงนี้อีกครั้ง นางรู้สึกเศร้าสลดจนตรอมใจตาย

       ก่อนตายได้ตั้งจิตอธิษฐานให้ร่างของนางกลายเป็นเทือกเขา ที่ชาวบ้านพากันเรียกว่า “ดอยนางนอน” น้ำตาที่ไหลรินกลายเป็น “ขุนน้ำนางนอน” ส่วนไพร่พลของนางก็กลายมาเป็นชนเผ่าหลากชาติพันธุ์บนภูเขาแห่งนี้นั่นเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหาบล็อกนี้