ถ้ำเลเขากอบ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่มีเสน่ห์มากๆ ถือเป็นหนึ่งในที่ท่องเที่ยวใน จ.ตรัง ที่น่าไปอีกที่หนึ่ง แต่ถึงจะสวยงามการเข้าไปเที่ยวในถ้ำนั้นต้องเตรียมตัวด้วยเช่นกัน แต่ก็สร้างความตื่นเต้นซึ่งเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำไปอีกนาน มีช่วงท้ายที่ระยะการเที่ยวชมช่วงถ้ำจะไม่สามารถเดินชมได้ และเราต้องล่องเรือชมถ้ำโดยการนอนราบไปกับเรือเป็นระยะทางตลอด 800 เมตร
ภายในถ้ำช่วงที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมได้ตามปกติ จะมีหินงอกหินย้อย ระยะทาง 4 กิโลเมตร คือ ถ้ำเจ้าสาว ถ้ำรากไทร ถ้ำคนธรรพ์ ที่สวยงามมากๆ ซึ่งถึงตอนนี้ก็ยังมีการก่อตัวของหินอยู่ เป็นความสวยงามทางธรรมชาติที่ต้องไปชม และที่นี่ยังมีตำนานเก่าแก่ของคนท้องถิ่นมาเล่าให้ฟังกันอีกด้วย
ตำนานพญากอบ :
นานมาแล้ว มีเจ้าฟ้าองค์หนึ่งชื่อว่า พญากอบ เป็นบุตรท้าวภุชงค์ราชาแห่งนาคราชผู้มีฤทธิ์ เป็นผู้มีบุญญาธิการและมีความเชี่ยวชาญในทุกๆ ด้าน จนพญานาคทั้งเมืองบาดาลต่างยอมสยบ เพราะเกรงอำนาจบารมีของพญากอบที่มีรูปร่างที่ใหญ่มาก ร่างกายยาวถึง 1 โยขน์ มีเกล็ดขาวดังไข่มุก นัยน์ตาสุกแดงส่องประกายเหมือนแก้ว รูปร่างสูงใหญ่สง่างาม
ครั้นเมื่อท่านโตขึ้นก็ได้เดินทางท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่างๆ ตามประสาวัยรุ่น พญากอบจำแลงแปลงกายเป็นมนุษย์ ไปเที่ยวที่ริมทะเล จนมาวันหนึ่งท่านได้พบรักกับนางศรีขัน นางศรีขันนั้นเป็นบุตรของยักษ์ซึ่งเป็นผู้มีฤทธิ์อยู่ก่อนแล้ว นางก็บอกว่านางเป็นบุตรของยักษ์ พ่อของนางนั้นหวงนางมาก ถึงแม้จะพูดอย่างไรก็ตามพญากอบก็ยังไม่ยอมละความพยายาม จีบนางต่อไปจนนางใจอ่อน เมื่อทั้งสองตกลงปลงใจอยู่ด้วยกัน ไม่นานนักนางศรีขันก็ตั้งครรภ์ พญากอบก็ตื่นเต้นและด้วยความห่วงลูก ต้องหาที่อยู่ให้ภรรยาและลูกได้อยู่อาศัย ทางวังพญานาคที่ตนเองจากมาก็มิได้บอกผู้เป็นพ่อจึงพยายามหาที่อยู่ที่มีภูมิทัศน์งดงามและปลอดภัยให้กับนางศรีขันเพื่อรอคลอดบุตร จนมาถึงภูเขาหินแห่งหนึ่งที่มีพื้นที่เดินไปมาได้อีกทั้งยังมีทางน้ำเป็นล้อมรอบ เหมาะกับการอยู่อาศัยของนาค และที่นั้นก็คือ พญากอบยินดีเป็นอย่างยิ่งและบอกว่า "ที่นี่แหล่ะ ที่เหมาะจะเป็นที่อยู่อาศัย เราจะตั้งชื่อที่แห่งนี้ว่า ถ้ำเล" ซึ่งต่อมาก็คือ "ถ้ำเลเขากอบ" นั่นเองซึ่งตอนนั้นยังมิได้เป็นถ้ำ
พญากอบได้ใช้อิทธิฤทธิ์พ่นไฟเผาเขาหินปูนจนละลาย หินนั้นก็กลายเป็นถ้ำที่มีน้ำไหลผ่าน ภายในถ้ำตกแต่งไปด้วยอัญมณีและหินงอกหินย้อยงดงามเหมือนมีชีวิตเป็นรูปทรงต่างๆ สวยดังมรกตหยดน้ำ ต่อมามีสัตว์ต่างๆ เข้ามาอาศัยอยู่มากมายหลากชนิด และเมื่อพญากอบหาที่พักให้กับนางศรีขันได้เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็สัญญาว่าจะรักกันตลอดไป และท่านยังนำข่าวไปบอกเพื่อนสนิทมิตรสหายให้มาเป็นพยานรักในครั้งนี้ด้วย
ต่อมาเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อยักษ์หูแกง บิดานางศรีขัน ผู้ออกตามหาลูกที่หายตัวไป มารู้ทีหลังว่าไปมีสัมพันธ์กับนาคก็โกรธ และในที่สุดก็ได้ตามหาจนพบ ขณะทั้งสองกำลังพลอดรักกันอยู่ในถ้ำ ยักษ์หูแกงไม่พอใจมากคิดจะฆ่าพญากอบซึ่งเป็นลูกเขย ยักษ์ใช้ไฟพ่นใส่ แต่แล้วก็พญากอบหลบหลีกได้ทันท่วงที ทำให้ลูกไฟที่พ่นออกมานั้นไปถูกภูเขาพังทลายจึงเกิดเป็น "เขาหัวแตก" ขึ้น
ส่วนนางศรีขันตกใจกลัวการต่อสู้ หวั่นลูกเป็นอันตรายจึงหนีขึ้นไปอยู่บนหน้าผาเพื่อเฝ้ารอคอยผู้เป็นสามี และสถานที่นั้นก็ได้กลายเป็นตำนาน ผานั้นได้ชื่อว่า “ผานางคอย” ทางด้านพญากอบต้องการที่จะตอบโต้ยักษ์หูแกง แต่พอรู้ว่าเป็นพ่อตาของตัวเองก็หนีไปไม่กล้าทำร้าย ยักษ์ก็คอยจะตามไล่ล่า แต่พญากอบก็ได้หาทางซ่อนตัวทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้ยักษ์หูแกงตามหาได้พบ ยักษ์หูแกง จะพาธิดากลับนางก็ไม่ยอมและบอกว่า"จะอยู่ที่นี่ รอคอยสามี จนถึงที่สุด" พญายักษ์ไม่อาจบังคับให้ธิดากลับไปพร้อมกลับตนได้ก็ต้องกลับไปลำพังด้วยความแค้นใจ
นางศรีขันก็รออยู่เรื่อยมา ไม่นานหลังจากนั้นนางศรีขันก็คลอดบุตรออกมาเป็นงูจำนวนแปดหมื่นตัว และจากไป แต่หากเมื่อใดที่พ่อแม่ลูกได้มาพบหน้ากัน ถ้ำก็จะเรืองรองไปด้วยแสงเพชรนิลจิลดา สว่างไสว เกิดสิ่งอัศจรรย์และผู้คนบริเวณนั้นก็จะพบความสุขความเจริญตามไปด้วย บางตำนานก็เล่าว่านางรอคอยสวามีอยู่ที่นี่จนตรอมใจตาย ทรัพย์สมบัติที่พญากอบบันดาลก็พลันหายไปด้วยเช่นกัน และสถานที่ที่นางรอคอยจนตรอมใจตายนั่นก็คือ “ผานางคอย” นั่นเอง
ปัจจุบันนี้ถ้ำเลเขากอบ เปิดให้บริการท่องเที่ยวเพียง 5 ถ้ำเท่านั้นด้วยอันตรายจากปริมาณน้ำและขนาดของห้องบางห้องที่อันตรายต่อการหายใจของมนุษย์ ด้วยเพราะมีอากาศอยู่ในถ้ำน้อยเกินไป ซึ่งหลายถ้ำก็มีความเชื่อในเรื่องการขอพรความรัก ชีวิตคู่ และโชคลาภด้วย และถ้ำที่ถือเป็น Unseen Thailand ก็คือ “ถ้ำลอด หรือ ถ้ำมังกร” ที่โถงถ้ำมีระดับเพดานถ้ำต่ำมากเกือบติดหน้าและลำตัว จนนักท่องเที่ยวต้องนอนราบไปบนเรือตลอดระยะทาง 350 เมตร นักท่องเที่ยวน่าจะสนุกและตื่นเต้นในเวลาเดียวกันเมื่อได้มาเยือน การนอนไปบนถ้ำราบเปรียบเสมือนการนอนลอดผ่านท้องมังกร ซึ่งมีความเชื่อว่า หากใครได้ลอดผ่านท้องมังกรจะเป็นเป็นการสะเดาะเคราะห์ นำพาโชคและความสุขมาให้
สำหรับการเดินทางค่าเข้าชมคิดตามราคาเรือพายลำละ 300 บาทนั่งได้ 5 คน นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวได้ตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น